มรดกแห่ง King Seiko จาก 1965 จนถึงปัจจุบัน ที่ยังได้รับการสานต่ออย่างต่อเนื่อง

เส้นสายที่สะท้อนถึงความสง่างามของนาฬิกา King Seiko ถูกนำมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานรุ่นใหม่

นาฬิกากลไกจักรกลชั้นสูงใหม่ 2 รุ่นใหม่ได้ถูกเพิ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคอลเลกชั่น King Seiko และจากการนำเสนอที่แตกต่างกัน นาฬิกาทั้ง 2 เรือนจึงต่างแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งเวลาที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 60 ปีที่แล้ว เมื่อ King Seiko ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นและปรากฏตัวอยู่ท่ามกลางแสงสีของกรุงโตเกียว สถานที่ซึ่งนาฬิกาเรือนนี้ถือกำเนิดขึ้นมา

นาฬิการุ่นดั้งเดิมที่ผลิตในปี 1965

การสร้างสรรค์ขึ้นใหม่อีกครั้งจาก King Seiko KSK รุ่นปี 1965

ในปี 1965 หรือ 4 ปีหลังจากที่ King Seiko เรือนแรกได้ถือกำเนิดขึ้น นาฬิกาเจนเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า King Seiko KSK ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นและมาพร้อมกับการออกแบบที่ได้รับการยอมรับว่ามีบุคลิกที่เด่นชัดและมีความคลาสสิคตลอดกาลสำหรับนาฬิกาจากคอลเลกชั่นนี้ ตัวเรือนได้รับการออกแบบให้มีเหลี่ยมมุมและเฉียบคมเช่นเดียวกับประสิทธิภาพในการใช้งานระดับสูง ดังนั้น การนำองค์ประกอบที่โดดเด่นของ King Seiko KSK รุ่นปี 1965 กลับมาสร้างสรรค์ใหม่ เป็นการดึงทุกรายละเอียดที่มีชีวิตชีวาในตัวเรือนนาฬิการุ่นเดิมให้มาอยู่ในนาฬิการุ่นใหม่เรือนนี้ แต่เพิ่มความโดดเด่นด้วยหน้าปัดสีเงินแชมเปญ พร้อมชุดเข็มและหลักชั่วโมงสีทอง ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสง่างามและรูปแบบดั้งเดิมเฉพาะตัวที่อยู่ในนาฬิกาซีรีส์นี้

การออกแบบที่คงความดั้งเดิม แต่อัพเดทด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย

แม้ว่าตัวนาฬิกาจะมาพร้อมกับกลไกอัตโนมัติ แต่ก็ยังมีความเพรียวบางเหมือนกับรุ่นดั้งเดิม ต้องขอบคุณความบางของกลไกรุ่น 6L35

นาฬิการุ่นใหม่เป็นการผสมผสานระหว่างหน้าปัดแบบเรียบ หลักชั่วโมงทรงเหลี่ยม และเข็มนาฬิกาที่เป็นรูปทรงปลายแหลม สะท้อนให้เห็นถึงการรักษาเอกลักษณ์แบบดั้งเดิมของการออกแบบอันเป็นบุคลิกเฉพาะตัวของนาฬิการุ่นปี 1965 ขาสายถูกออกแบบให้มีทรงปลายแหลมเช่นเดียวกับรุ่นดั้งเดิม พร้อมรูปทรงที่มีความแบนราบและกว้าง เหลี่ยมมุมที่เกิดขึ้นบนตัวเรือนมีความเฉียบคม อันเป็นผลมาจากการขัดตัวเรือนด้วยกรรมวิธีซารัสซึ (Zaratsu) ที่เป็นเอกสิทธิ์ของ Seiko ให้ภาพสะท้อนราวกับกระจก โดยปราศจากการบิดเบี้ยวของภาพที่ปรากฏอยู่บนตัวเรือนนาฬิกา กระจกแซฟไฟร์ทรงกล่อง (Boxed-Shaped) ได้รับการเคลือบสารป้องกันการสะท้อนแสงที่พื้นผิวด้านใน ช่วยยกระดับความคมชัดในการมองเห็นและอ่านค่าที่อยู่บนหน้าปัด ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ตาม ความสวยแบบยั่งยืนของรูปทรงที่อยู่บนตัวเรือนได้รับการปกป้องจากรอยขูดขีดด้วยกรรมวิธีเคลือบที่เรียกว่า Super-Hard Coating ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของพื้นผิวและเพิ่มความทนทานต่อการขูดขีด

ฝาหลังนาฬิกาสลักชื่อของ King Seiko พร้อมกับโล่สัญลักษณ์ที่มีรูปทรงแบบเดียวกับรุ่นดั้งเดิม ชื่อของ Seiko และเครื่องหมาย W ที่ปรากฏอยู่บนเม็ดมะยมเป็นการบ่งบอกถึงความสามารถในการกันน้ำ ขณะที่หัวเข็มขัดล็อกสายได้รับการออกแบบใหม่แต่ยังคงรูปแบบและดีไซน์ดั้งเดิมเอาไว้

King Seiko KSK รุ่นใหม่จะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนกรกฎาคม 2022 โดยจะมีการผลิตเพียง 1,700 เรือนเท่านั้น และวางจำหน่ายที่บูติกของ Seiko และร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วโลกที่ได้รับการคัดเลือก

มนต์เสน่ห์แห่งความงามของดอกวิสทีเรียแห่งคาเมะอิโดะ (Kameido)

ความงามของดอกวิสทีเรียแห่งคาเมะอิโดะ นำมาถ่ายทอดและเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นาฬิการุ่นนี้

เขตคาเมะอิโดะในกรุงโตเกียวถือเป็นบ้านเกิดขึ้นโรงงาน Seiko ที่รับหน้าที่ผลิตนาฬิกา King Seiko และรอบๆ โรงงานเหล่านี้จะมีศาลเจ้า คาเมะอิโดะ เทนจิน (Kameido Tenjin) อันน่าตื่นตาตื่นใจ ศาลเจ้าของนิกายชินโตแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1662 ปัจจุบันเป็นที่สักการะของคนจำนวนมาก พอๆ กับทิวทัศน์ที่งดงามของดอกวิสทีเรียอันน่าทึ่งในฤดูใบไม้ผลิ ที่นับเป็นหนึ่งในมรดกของดินแดนแห่งนี้เช่นเดียวกับศาลเจ้า เนื่องจากสวนดอกวิสทีเรียนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับภาพเขียนที่สำคัญของ อุกิโยะ-เอะ (Ukiyo-e) และงานแกะลายไม้ในสมัยเอโดะ (1603-1867) และบนหน้าปัดของนาฬิกา King Seiko รุ่นที่ 2 ที่รังสรรค์ขึ้นใหม่นี้มาพร้อมกับลายแบบซันเรย์ที่สะท้อนให้เห็นถึงสีม่วงอ่อน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากความงามของดอกวิสทีเรียแห่งคาเมะอิโดะ โดยการขัดแต่งบนหน้าปัดจะให้ลวดลายที่มีการเล่นแสงอย่างสวยงามที่เริ่มจากจุดกึ่งกลางของหน้าปัดออกไปสู่ขอบด้านข้าง

นอกจากนั้นนาฬิกายังมาพร้อมกับตัวเรือนที่ได้รับการออกแบบโดยอ้างอิงจากเส้นสายและความเฉียบคมของเหลี่ยมมุมจากรูปทรงของนาฬิการุ่นดั้งเดิมอย่าง King Seiko KSK ปี 1965 รูปทรงของตัวเรือนได้รับการผสมผสานกับกระจกแซฟไฟร์แบบทรงกล่องที่ถูกออกแบบให้มีความบาง แต่สะท้อนถึงความสง่างามเมื่อนาฬิกาถูกสวมอยู่บนข้อมือ จากการเคลือบสารกันการสะท้อนแสงที่พื้นผิวด้านในของกระจก ช่วยยกระดับความชัดเจนในการมองเห็นและอ่านค่าที่อยู่บนพื้นหน้าปัดไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ตาม สายโลหะได้รับการออกแบบโดยอ้างอิงจากรูปแบบของสายดั้งเดิมที่อยู่ในนาฬิกาตระกูล King Seiko และบนพื้นผิวก็ได้รับการขัดแต่งอย่างประณีตให้มีรูปแบบที่หลากหลายเพื่อความสวยงามเวลาที่สะท้อนกับแสงในทิศทางต่างๆ สำหรับกลไกอัตโนมัติ 6R31 มีกำลังสำรองถึง 70 ชั่วโมงและนาฬิกาสามารถกันน้ำได้ 10 บาร์

สายหนังสีเทาอ่อนพร้อมกับเย็บด้ายสีม่วงเอาไว้ด้านบน เป็นสายอีกเส้นที่เพิ่มให้อยู่ในเซ็ตนอกจากสายสตีลที่มีอยู่แล้ว

นาฬิการุ่นพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคาเมะอิโดะเป็นส่วนหนึ่งในคอลเลกชั่นของ King Seiko และจะเริ่มวางจำหน่ายเฉพาะที่บูติกของ Seiko เท่านั้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป

SJE087J

นาฬิกา King Seiko KSK รุ่นผลิตใหม่แบบจำนวนจำกัด : SJE087J

กลไก : 6L35
ความถี่ : 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง (8 ครั้งต่อวินาที)
พลังงานสำรอง : 45 ชั่วโมง
จำนวนทับทิม : 26 เม็ด

รายละเอียดเพิ่มเติม
ตัวเรือนผลิตจากสแตนเลสสตีลเคลือบด้วยกรรมวิธี Super-Hard Coating
กระจกแซฟไฟร์พร้อมเคลือบสารกันการสะท้อนแสง
ฝาหลังแบบขันเกลียว
เส้นผ่านศูนย์กลาง : 38.1 มิลลิเมตร หนา : 11.4 มิลลิเมตร
การกันน้ำ : 5 บาร์
ความทนทานต่อสนามแม่เหล็ก : 4,800 A/m
สายหนังจระเข้
ราคา: 123,000 บาท
จำนวนการผลิต : 1,700 เรือน

SPB291J

นาฬิกา Seiko KSK Boutique Edition : SPB291J

กลไก : 6L31
ความถี่ : 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง (6 ครั้งต่อวินาที)
พลังงานสำรอง : 70 ชั่วโมง
จำนวนทับทิม : 24 เม็ด

รายละเอียดเพิ่มเติม
ตัวเรือนและสายผลิตจากสแตนเลสสตีล
กระจกแซฟไฟร์พร้อมเคลือบสารกันการสะท้อนแสง
ฝาหลังแบบขันเกลียว
เส้นผ่านศูนย์กลาง : 37.0 มิลลิเมตร หนา : 12.1 มิลลิเมตร
การกันน้ำ : 10 บาร์
ความทนทานต่อสนามแม่เหล็ก : 4,800 A/m
ราคา: 69,000 บาท

    Current :
  • EN
  • TH